CCP รับอานิสงส์รัฐบาลใหม่ สานต่องานงานเมกะโปรเจกต์อีอีซี รักษาแบ็กล็อกโตตามเป้า
>>
Hightlight
- ความต้องการผลิตภัณฑ์คอนกรีตในช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มดี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ที่จะเดินหน้าลงทุน ทยอยดำเนินงานก่อสร้างต่อเนื่องในงานโครงสร้างพื้นฐานโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) อาทิ ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด นิคมอุตสาหกรรม
- อีกทั้งโครงการของหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ต่างๆ ที่มีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง อาทิ งานถนน
- ขณะที่การลงทุนภาคเอกชน ยังคงรอความชัดเจนหลังการจัดตั้งรัฐบาล คาดว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนหรือผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์กลับมาลงทุนอีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลังนี้
นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยว่า ความต้องการผลิตภัณฑ์คอนกรีตในช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มดี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ที่จะเดินหน้าลงทุน ทยอยดำเนินงานก่อสร้างต่อเนื่องในงานโครงสร้างพื้นฐานโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เช่น ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด นิคมอุตสาหกรรม อีกทั้งโครงการของหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ต่างๆ ที่มีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การลงทุนภาคเอกชน ยังคงรอความชัดเจนหลังการจัดตั้งรัฐบาล คาดว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนหรือผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์กลับมาลงทุนอีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลังนี้
ขณะที่แผนการดำเนินธุรกิจของ CCP ในช่วงครึ่งปีหลัง มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปสเปคพิเศษให้สามารถรองรับงานโครงสร้างพื้นฐาน งาน Landscape ได้อย่างหลากหลาย เช่น ท่อคอนกรีตขนาดใหญ่พิเศษ แผงกั้นคอนกรีต เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ทั่วประเทศ อีกทั้งเพิ่มความสามารถในการทำกำไร พร้อมปรับปรุงเครื่องจักรเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยเน้นการเข้ารับงานภาครัฐ ในส่วนโครงการลงทุนขนาดใหญ่เมกะโปรเจกต์ งานกรมทางหลวง และเดินหน้าติดตามโครงการต่างๆ
ส่วนงานเอกชน มุ่งเน้นเข้ารับงานนิคมอุตสาหกรรม ที่ทยอยดำเนินงานก่อสร้างต่อเนื่อง ขณะที่ภาพรวมการเติบโตของกลุ่มผู้ประกอบการรับเหมา และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายย่อยขยายตัวค่อนข้างน้อย แต่ก็ยังมีกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์บางกลุ่มที่ยังคงมีการขยายงาน อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงเน้นเรื่องการพัฒนาสินค้ากลุ่ม Precast อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มากขึ้น ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมามีการแนะนำผลิตภัณฑ์กับลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งมีกระแสตอบรับที่ดีและเริ่มมีคำสั่งซื้อทยอยเข้ามา
ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ประมาณ 2,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน แบ่งเป็น การรับรู้รายได้ภายในปีนี้ 60% โดยบริษัทจะทยอยประมูลงานเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต เพื่อรักษาระดับ Backlog ไว้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ขณะที่การเติบโตปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ประมาณ 2,500 ล้านบาท สัดส่วนรายได้มาจากงานภาครัฐ 80% และภาคเอกชน 20%